32 วัน อันมืดมนของลิเวอร์พูล สิ้นสุดลงเสียทีกับเกมเมื่อคืนนี้ที่บุกไปชนะ สเปอร์ส ถึงถิ่น 1-3 ทำให้ยังคงรั้งท็อปโฟร์ต่อไป ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นเกมที่สร้างความมั่นใจแก่พลพรรคหงส์แดงได้ ส่วนลูกทีมของมูรินโญ่ คงต้องกลับไปปรับทีมกันใหม่ เพราะยังมีหลายจังหวะที่แสดงความผิดพลาดออกมา
ฉะนั้นในวันนี้ เราจะมาพูดถึงเรื่องราวของเกมนี้กัน ผ่านบทความที่มีชื่อว่า สรุป 5 ประเด็น ควันหลงจากเกมที่สเปอร์ส พ่ายคาบ้านแก่ ลิเวอร์พูล 1-3 เพื่อให้เพื่อนๆ ที่ไม่ได้ดูได้รับทราบ หรือใครที่นอนดึกดูเกมเมื่อคืน ก็สามารถอ่านได้ แล้วจากนั้นมาพิจารณากันว่ามันตรงกับที่ท่านคิดหรือไม่
1. สภาพของทั้ง 2 ทีม ก่อนเกมจะเริ่มขึ้น
ก่อนเกมจะเริ่มขึ้น สเปอร์สมีผลงานที่ดีกว่า จนสื่อชั้นนำคาดการณ์ว่านี่จะเป็นโอกาสทองสำหรับการโค่นหงส์แดงลงได้ ส่วนลิเวอร์พูล สภาพทีมค่อนข้างมีปัญหา แถมผลงานยังไม่ดีเอาเสียเลย ทำให้การไปคว้าแต้มกลับมาก็ถือว่าเก่งแล้ว
- นับตั้งแต่ฟอร์มตกจนร่วงจากจ่าฝูงลงมากลางตาราง ผลงานของสเปอร์ส นับว่าลุ่มๆ ดอนๆ จนหาความแน่นอนไม่ได้ ซึ่งผลงาน 4 นัดหลัง ชนะ 2 เสมอ 2 ทำให้การฝันถึงแชมป์พรีเมียร์ลีกคงต้องเลิกคุยไปก่อนในตอนนี้
- ฟากของลิเวอร์พูล ทีมเยือน อาการถือว่าหนักหนาเป็นที่สุด เพราะนับตั้งแต่ชนะ พาเลช มา 0-7 ก็ไม่ชนะใครอีกเลย 1 เดือนเต็มๆ โดยแบ่งเป็นเสมอ 2 แพ้ 2 แถมยังยิงได้แค่ลูกเดียวกับเวสต์บรอมวิช ทำให้จากเดิมที่รั้งจ่าฝูง ก็ค่อยๆ เสียบัลลังก์จนมาอยู่อันดับที่ 5 ก่อนเกมนี้
- เกมนี้มูรินโญ่ ยึดผังที่เคยทำผลงานได้ดี นั่นคือ 3-4-3 ซึ่งหลัง 3 คน มี โจ โรดอน คนเดียวที่เป็นเซนเตอร์แบ็กธรรมชาติ ส่วน ดายเออร์ คือกลางรับ และเบน เดวีส์ ที่เชี่ยวชาญตำแหน่งแบ็กซ้ายมากกว่า ขณะที่ลิเวอร์พูล มาในระบบเดิมคือ 4-3-3 คู่กองหลังใช้มาติป ที่พึ่งหายเจ็บ จับคู่กับเฮนเดอร์สัน ถัดมาที่แดนกลาง ใช้ไวจ์ดัลดุมยืนต่ำ แล้วใช้มิลเนอร์กับติอาโก้ ขับเคลื่อนเกมรุก
2. VAR และการตัดสินของกรรมการ ยังคงเป็นแปรสำคัญของเกมนี้
VAR ของอังกฤษ ยังคงสร้างความวินาศต่อทีมต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการจับล้ำหน้าจากเศษเสี้ยวของตัวนักเตะ จนนำมาซึ่งความเบื่อหน่ายแก่ตัวเตะ โค้ช และแฟนบอล รวมถึงมาตรฐานการตัดสินของกรรมการ ที่ไม่ใกล้เคียงกับคำว่าระดับโลกเลย
- เพียงนาทีที่ 3 ของเกม ซึ่งเป็นจังหวะบุกครั้งแรกของสเปอร์ส ซน เฮือง-มิน จ่ายคืนให้ แฮร์รี่ เคน ก่อนที่ศูนย์หน้าทีมชาติอังกฤษจะแทงย้อนคืนให้กับศูนย์หน้าทีมชาติเกาหลีใต้ หลุดเข้าไปยิงเสาแรก แต่ VAR ดันจับล้ำหน้า เพราะจังหวะหันหลังของซน ส้นเท้าล้ำออกมา ทำให้เป็นโชคดีของลิเวอร์พูล เพราะถ้าเกิดโดนเจ้าบ้านขึ้นนำไปก่อน ก็คงเป็นงานยากที่จะกลับมา
- เหตุการณ์ในนาทีที่ 55 ของเกม เป็นจังหวะโต้กลับของลิเวอร์พูลและจบลงด้วยการยิงอย่างสุดสวยของซาลาห์ แต่ VAR กลับริบประตูคืน เพราะฟีร์มิโน่แฮนด์บอล แต่ถ้าใครได้ดูภาพจังหวะนั้น จะพบว่าผู้เล่นของสเปอร์สดึงเสื้อและบอลโดนมือ ก่อนจะมาโดนมือของฟีร์มิโน่ ฉะนั้นการริบประตูคืนถือว่าถูกต้อง แต่ก็ควรให้ฟาวล์แก่ลิเวอร์พูล เพราะถูกฝ่ายตรงข้ามเล่นนอกกติกา
3. ความพ่ายแพ้ในวันนี้ มาจากความผิดพลาดของแนวรับสเปอร์ส
คำสัมภาษณ์ของมูรินโญ่ หลังเกม กล่าวถึงความพ่ายแพ้ในวันนี้ว่ามีส่วนสำคัญจากความผิดพลาดของผู้เล่นรายบุคคล พร้อมทั้งบอกว่าตอนนี้เหมือนกับผจญอยู่กับความผิดพลาดของตัวเอง จนทำให้ผลงานของทีมไม่ดี โดยเมื่อย้อนกลับไปดูเกมการแข่งขัน จะพบว่าสิ่งที่กุนซือชาวโปรตุเกสพูดเป็นเรื่องที่มีมูล เพราะทั้ง 3 ประตูที่เสียไป ล้วนแต่มีความผิดพลาดเกิดขึ้น
- จริงๆ แล้วความผิดพลาดนั้นเกิดขึ้นตั้งแต่นาทีที่ 3 ซึ่งถือว่าโชคดีที่โอกาสยิง 3 ครั้งของมาเน่ในครึ่งแรก ไม่สามารถแปรเปลี่ยนเป็นประตูได้
- การเช็กล้ำหน้าพลาด จนเสียประตูในนาทีสุดท้ายของการทดเวลาครึ่งแรก นับว่าเสียหายอย่างมาก เพราะจะทำให้การกลับมาเล่นในครึ่งหลังชองสเปอร์สเหนื่อยหนักเข้าไปอีก
- กองหลังของสเปอร์สเหมือนคนกำลังเมาหมัด เพราะการลงมาเล่นในครึ่งหลังยังคงแสดงความผิดพลาดไม่เลิกรา จนเสียประตู 0-2 ทำให้สถานการณ์ก็ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ ซึ่งยังดีที่แนวรับลิเวอร์พูลแสดงความผิดพลาดจากการถอยไปรับลึก จนมีพื้นที่ให้ยิงไกลแล้วไล่มา 1-2 แบบทันควัน แต่มันก็ไม่สามารถช่วยให้ทีมกลับมาได้ แถม โจ โรดอน ยังกะจังหวะบอลพลาด ทำให้กลายเป็นประตูตอกฝาโลงของทีมเยือน
4. อาการบาดเจ็บทำให้ผู้เล่นหลักของทั้ง 2 ทีม เล่นต่อไม่ไหว กระทั่งกลายเป็นจุดเปลี่ยนของเกม
เกมนี้มีผู้เล่นของทั้ง 2 ทีม ฝั่งละ 1 ราย มีอาการบาดเจ็บจนต้องเปลี่ยนตัวออก หลังเกมผ่านไปครึ่งทาง แต่ผลที่ตามมาหลังจากนั้นนับว่าต่างกันลิบลับ เพราะฝั่งของเจ้าบ้านเกมรุกขาดความอันตรายไปสิ้นเชิง ขณะที่ทีมเยือน กลับไม่มีผลต่อการป้องกันประตูให้รู้สึกหวาดเสียว
- แฮร์รี่ เคน เปรียบดังทุกสิ่งทุกอย่างในเกมรุกของคลับไก่ อีกทั้งการเล่นอย่างเข้าขากับซน เฮือง-มิน ทำให้แนวรุกของทีมสุดแสนจะอันตราย ดังจะเห็นได้จากจังหวะในครึ่งแรก แต่โดน VAR ริบคืนไปเสียก่อน กระทั่งจังหวะที่เคน โดนอาคันทาร่ากับเฮนเดอร์สันปะทะ ได้ทำให้เจ้าตัวเล่นต่อไม่ไหว จนต้องเอาลาเมล่าลงมาเล่นแทน ซึ่งเกมในครึ่งหลังจะเห็นได้ว่าซนหายไปจากเกม อีกทั้งเกมรุกไม่สามารถสร้างโอกาสที่จะแจ้งได้เลย นี่จึงเป็นสิ่งที่มูรินโญ่ต้องนำกลับไปแก้ เพื่อทำแผนสำรองยามไม่มีเคน มิเช่นนั้นผลงานของทีมอาจเป๋ยาว
- “เล่น 1 นัด พัก 1 เดือน” คงจะเหมาะสมกับ โจเอล มาติป ที่พึ่งหายเจ็บกลับมา ก็ดันเจ็บเอ็นข้อเท้าอีก ทำให้ต้องส่ง แนท ฟิลลิปส์ ลงมาเล่นแทน แต่จะเห็นได้ว่าเกมรับยังคงแน่นเหมือนเดิม ซึ่งไม่ได้มีอะไรพิเศษเลย เพราะการที่เคนไม่อยู่ในสนาม เกมรุกของสเปอร์สก็เปรียบกับปืนที่ไร้กระสุน
5. เกมนี้อาจเป็นโมเมนตัมสำคัญของผู้เล่นลิเวอร์พูลหลายคน
ผู้เล่นของลิเวอร์พูลหลายคนกลับมาโชว์ได้อย่างไฉไลในเกมนี้ ต่างจากช่วงเดือนที่ผ่านมาที่ชีวิตชีวาในการเล่นดูเหี่ยวเฉา จนอยากจะตบไหล่แล้วถามว่า “เอ็มร้อยสักขวดไหมพี่ 555”
- เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ คือคนแรกที่อยากพูดถึง เพราะฤดูกาลนี้เจ้าตัวเปิดบอลได้ไม่แม่นเหมือนฤดูกาลก่อนๆ อีกทั้งยังต้องเผชิญกับอาการบาดเจ็บ พร้อมกับติดโควิด-19 ไปอีกหน โดยในครึ่งหลังเจ้าตัวเล่นได้อย่างสุดยอดเหมือนกับที่เราเคยเห็น จากการเติมสูงบ่อยครั้งจนสามารถแอสซิสต์ให้กับมาเน่ และยิงประตูนำ 0-2 อีกดอก ทำให้เกมนี้เป็นนัดที่เทรนต์เล่นได้ดีที่สุดในฤดูกาลนี้
- ซาดิโอ มาเน่ คือคนถัดมาที่ต้องการพูดถึง เพราะนับตั้งแต่ที่เจ้าตัวยิงใส่เวสต์บรอมวิช ก็ไม่สามารถยิงใครได้อีกแม้จะสร้างโอกาสให้ตัวเองได้มากโข กระทั่งเกมนี้ที่เจ้าตัวปลดล็อคได้อีกครั้ง พร้อมกับความหวังว่าการยิงประตูจะตามมาอีกเรื่อยๆ โดยไม่ต้องรอนานแบบที่ผ่านมา
สำหรับผลการแข่งขันที่เกิดขึ้น แฟนบอลลิเวอร์พูลสามารถดีใจได้เป็นเรื่องปกติ แต่ต้องไม่ลืมว่าศึกหนักนัดต่อไปกับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด นั่นรออยู่ในวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นเกมที่ไม่ควรพลาดอีกแล้วหากจะลุ้นแชมป์ลีก ส่วนสเปอร์ส ก็คงต้องกลับไปวางกลยุทธ์ขนานใหญ่ เพราะเกมรุกก็ขาดหัวใจหลักอย่างแฮร์รี่ เคน ส่วนเกมรับก็ยังผิดพลาด ฉะนั้นการออกไปเยือนไบร์ทตัน ไม่ง่ายแน่นอน